ท่านท้าวหิรัญพนาสูร(ฮู) งานเรซิ่นผสมมวลสารสูง14นิ้ว ผ่านพิธีเทวาภิเษกหลายวาระ บูชาเสริมอำนาจบารมีป้องกันโรคภัย
ท้าวฮู เป็นเทพที่คอยติดตามดูแลและปกป้องพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.6) รวมทั้งบรรดาข้าราชบริพาร เพื่อไม่ให้มีภยันอันตรายและโรคภัยใด ๆ มากล้ำกรายได้
✡คาถาบูชาท้าวหิรัญพนาสูร (เทพเจ้าแห่งดงพญาเย็น)✡
(จุดธูป 16 ดอก) ตั้งนะโม 3 จบ
ระหินะ ภูมาสีภะสะติ นิรันตะรังลาภะสุขัง ภะวันตุเม (สวด 9 จบ)
ผู้ใดสวดบูชาเป็นประจำจะช่วยป้องกันภัย ทำให้มีโชคมีลาภ ค้าขายดี มีอำนาจบารมี รวมทั้งหายจากโรคภัยไข้เจ็บ ชีวิตมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุขตลอดกาล ฯลฯ
เมื่อท่านสำเร็จผล ควรจะถวายสังฆทานให้ท่านด้วย โดยสิ่งที่ควรถวายท่านท้าวหิรัญพนาสูรบายศรีพรหม บายศรีเทพ บายศรีปากชาม ท่านโปรดขนุนเป็นพิเศษ นอกจากนี้ก็จะมีมะพร้าวอ่อน 2 ลูก กล้วยน้ำว้า 1 หวี ดาวเรือง 9 พวง และสับปะรด
🔴🔴ความเป็นมา🔴🔴
เชื่อกันว่าท้าวหิรันยพนาสูรเป็นอสูรผู้มีสัมมาทิษฐิและสัมมาปฏิบัติ เป็นชายรูปร่างล่ำสันใหญ่โต คอยติดตามป้องกันภยันตรายทั้งปวงให้กับพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มิให้มากล้ำกรายพระองค์และข้าราชบริพารตั้งแต่เมื่อครั้งเสต็จประพาสมณฑลพายัพเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๙
ในครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระมงกฎเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จ พระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมารได้เสด็จประพาสมณฑลพายัพเมี่อจะออกเดิน ทางไปในป่า ผู้ที่ตามเสด็จพากันกลัวว่าจะเกิดภยันตรายต่างๆ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้ทรงพระกรุณาดำรัสชี้แจงเพื่อให้ คลายกังวลว่าเจ้าใหญู่นายโตเมื่อจะเสด็จที่ใดคงจะมีทั้งเทวดาและปีศาจ หรืออสูรอันเป็นสัมมาทิษฐิคอยติดตามป้องกันภยันตราย มิให้มากล้ำกรายพระองค์และบริพารผู้โดยเสด็จฯ
จากนั้นปรากฏว่าผู้ที่ตามเสด็จ ผู้หนึ่งกล่าวว่าฝันเห็นชายรูปร่างล่ำสันใหญ่โตแจ้งว่าชี่อหิรันย์ เป็นอสูรชาวป่า จะมาตามเสด็จ เพื่อคอยดูแลระวังมิให้ภยัน-ตรายทั้งปวงมากล้ำกรายพระองค์และข้าราชบริพาร ครั้นทรงทราบความจึงมีพระราชดำรัสให้จัดธูปเทียน และอาหารไปเซ่นที่ในป่าริมพลับพลา และเวลาเสวยค่ำทุกวัน ได้โปรดเกล้าฯ ให้เเบ่งพระกระยาหารจากเครื่องเสวยไปตั้งเช่นเสมอ หลังจากที่เสด็จประพาสมณฑลพายัพแล้วข้าราชบริพารก็พร้อมกันเชิญหิรันยอสูร ให้ตามเสด็จ เมื่อเสด็จออกจากกรุงเทพฯด้วยเสมอ และโปรดให้เซ่นหิรันยอสูรอย่างเช่นเมี่อครั้งเสด็จมณฑลพายัพเป็นธรรมเนียม ตลอดมา
ครั้นเมื่อเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติแล้วจึงโปรดเกล้าฯ ให้ช่างหล่อรูปหิรันยอสูรด้วยทองสัมฤทธิ์ และทรงพระราชทานนามใหม่ว่าท้าวหิรันยพนาสูร (สะกดตามลายพระราชหัตถเลขา) มีชฎาเทริดอย่างไทยโบราณ เเละไม้เท้าเป็นเครื่องประดับยศ
แรกนั้นรูปหล่อของท้าวหิรันยพนาสูรนี้สูงประมาณ ๒๐ ซ.ม. มีจำนวน ๔ องค์ องค์แรกเดิมประดิษฐานอยู่ข้างพระที่ในห้องพระบรรทม ปัจจุบันอยู่ที่วังรื่นฤดี ซึ่งสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรัตนราชสุดาสิริโสภาพัณณวดียังคงให้มีการถวายเครี่องเซ่นเป็นประจำทุกวัน องค์ที่ ๒ โปรดให้อัญเชิญไว้หน้าหม้อรถยนต์พระที่นั่ง ปัจจบันอยู่ที่หมวดรถยนต์หลวง โดยอัญเชิญไว้บนหิ้งบูชา องค์ที่ ๓ โปรดให้อัญเชิญไว้ที่กรมมหาดเล็กหลวง ปัจจุบันอยู่ที่พระที่นั่งราชกรัญยสภา ในพระบรมมหาราชวัง และองค์สุดท้ายอยู่ที่บ้านพระยาอนิรุทธเทวา อดีตอธิบดีกรมมหาดเล็กหลวงในสมัยรัชกาลที่ ๖
ใน พ.ศ. ๒๔๖๕ เมื่อการสร้างพระราชวังพญาไทสำหรับประทับเป็นการถาวรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้ โปรดเกล้าฯให้ช่างหล่อรูปท้าวหิรันยพนาสูรขนาดใหญ่ด้วยทองสัมฤทธิ์มีชฎา เทริดอย่างไทยโบราณ และไม้เท้าเป็นเครื่องประดับยศ มีพระราชพิธีบวงสรวงขอเชิญท้าวหิรันยพนาสูรเข้าสิงสถิตยนรูปสัมฤทธิ์เมื่อเป็นศาลเทพารักษ์ประจำพระราชวังพญาไทสืบไป